พรีเมียร์ลีก
สถิติพบกันทั้งหมด 32
ผลงาน 5 นัดหลัง ของทั้ง 2 ทีม
สถานการณ์ของทีม และสภาพทีมโดยทั่วไป
เจ้าบ้าน เลสเตอร์ ซิตี้ ของผู้จัดการทีม สตีฟ คูเปอร์ เสีย อับดุล ฟาตาวู เจ็บหนัก สวนทาง เจมี่ วาร์ดี้ หายเจ็บ และกำลังเรียกความฟิตเช่นเดียวกับ จอร์แดน อายิว มีอาการบาดเจ็บรบกวนกลับจากรับใช้ชาติ ด้าน แพทสัน ดาก้า กลับมาสมบูรณ์ แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน ฟาคุนโด้ บัวนาน็อตเต้ ติดโทษ
การจัดทีมยึดแผน 4-3-3 เจมี่ วาร์ดี้ และ จอร์แดน อายิว อาจพร้อมออกสตาร์ทกับ สเตฟี่ มาวิดิดี้, แฮร์รี่ วิงค์ส, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด และ บูบาการี่ ซูมาเร่ ส่วน แพทสัน ดาก้า กลับมาเป็นสำรองก่อนกับ โอลิเวอร์ สคิปป์, เคซี่ แม็คเคเทียร์, ออดซอนน์ เอดูอา และ บิลาล เอล คานนูส
ทีมเยือน เชลซี ของผู้จัดการทีม เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไม่มี รีซ เจมส์ เจ็บซ้ำ ส่วน เจดอน ซานโช่ กลับมาซ้อมกับทีม เช่นเดียวกับ โคล พาลเมอร์, ลีวาย โคลวิลล์, เวสลีย์ โฟฟาน่า, มาโล กุสโต้ และ โรเมโอ ลาเวีย
ทำให้การจัดทัพยึด 11 ตัวจริงทั้งแบ็กโฟร์ มอสเซส ไคเซโด้ จับคู่มิดฟิลด์กับ โรเมโอ ลาเวีย แนวรุกวาง โคล พาลเมอร์, โนนี่ มาดูเอเก้ และ เปโดร เนโต้ สอดประสานหลัง นิโก้ แจ็คสัน ค้ำหน้า ทำให้ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, มีคายโล มูดรีค และ ชูเอา เฟลิกซ์ ต้องรอโอกาส
เลสเตอร์ ซิตี้ ฟอร์มช่วงหลังในพรีเมียร์ลีกดร็อปไปมากจนพ่ายขาดลอยเกมล่าสุด ทำให้แพ้ 2 ใน 3 นัดหลัง และเก็บแต้มเดียวจาก 3 เกมหลัง รวมทั้งเกมเหย้าไม่สามารถรักษาความต่อเนื่อง
เชลซี ฟอร์มระยะหลังในพรีเมียร์ลีกยังเล่นในทิศทางที่ดี แม้เก็บผลเสมอติด 2 นัดหลัง และซิวชัยเกมเดียวเท่านั้นตลอด 5 นัดที่ผ่านมา ส่วนเกมเยือนสะดุดไป แมตช์นี้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ลงตัวแล้ว และมีเกมรุกหลากหลายบุกบี้ "จิ้งจอกสีน้ำเงิน"